Open Space vs. ห้องทำงานส่วนตัว แบบไหนดีต่อใจ ดีต่องานกว่ากัน

พื้นที่ทำงานแบบ Open VS. Private เลือกแบบไหนให้งานเดิน คนแฮปปี้ ? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียแบบละเอียด อยากออกแบบสำนักงานให้ได้ใจพนักงานต้องห้ามพลาด!

MDF_blogApr25_editorial11_cover

ในการออกแบบสำนักงานปัจจุบัน เรื่องของพื้นที่ทำงานแบบ Open Space และห้องทำงานส่วนตัวถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหาว่าคำตอบว่ารูปแบบออฟฟิศแบบไหนที่ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานพร้อม ๆ กับสร้างความพึงพอใจให้พนักงานได้พร้อม ๆ กัน นับเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทายในการตกแต่งออฟฟิศอยู่ไม่น้อย เพราะห้องทำงานแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปดูข้อดี-ข้อเสียในแต่ละแง่มุมพร้อม ๆ กัน !


Open Space VS ห้องทำงานส่วนตัว ต่างกันอย่างไร ?

เมื่อเราพูดถึงพื้นที่ทำงาน ภาพในหัวเกี่ยวกับการออกแบบสำนักงานหรือการตกแต่งออฟฟิศของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ลักษณะและรูปแบบการทำงานที่ต่างกัน รวมถึงความชอบและความต้องการส่วนตัว ทำให้ห้องทำงานแบบ Open Space และ ห้องทำงานแบบส่วนตัว ไม่ได้มีสิ่งใดผิดหรือถูก แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของการใช้งาน


ลักษณะของพื้นที่ทำงานแบบ Open Space 

  • เป็นพื้นที่เปิดโล่ง โปร่ง สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบตัวได้อย่างชัดเจน ไม่มีผนังกั้นถาวรระหว่างโต๊ะทำงาน สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้ง่าย
  • พนักงานนั่งรวมกัน ทำให้ไม่เหมาะกับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง หรืองานคิดคำนวณ เพราะอาจมีเสียงรบกวนที่ยากต่อการควบคุม
  • มีโต๊ะทำงานไม่ประจำ (Hot Desking) เคลื่อนย้ายได้สะดวก
  • ปรับเปลี่ยน layout ของโต๊ะทำงานได้ตามความต้องการ

ลักษณะของห้องทำงานส่วนตัว

  • เป็นพื้นที่ทำงานแบบส่วนตัว แบ่งสัดส่วน มีผนังและประตูแบบถาวรไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้ความเป็นส่วนตัวสูงเหมาะกับการทำงานเดี่ยวหรือทีมเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน
  • มีพื้นที่ส่วนตัวที่เงียบสงบ 
  • บรรยากาศในห้องส่วนตัว ช่วยให้มีอิสระในการคิด ตัดสินใจด้วยตัวเอง
  • สื่อสารกับคนอื่นภายนอกยากกว่า ต้องอาศัยการสื่อสารผ่านโทรศัพท์ อีเมล หรือการเดินไปยังห้องอื่น

ข้อดี-ข้อเสีย ของการออกแบบสำนักงานแบบ Open Space

การออกแบบสำนักงานหรือการตกแต่งออฟฟิศให้มีพื้นที่การทำงานแบบเปิด เป็นที่นิยมในองค์กรรุ่นใหม่หรือใน Modern Office ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์องค์กรมีความทันสมัย ดึงดูดใจผู้ร่วมงานยุคใหม่มากยิ่งขึ้น แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจออกแบบสำนักงานรูปแบบพื้นที่เปิดดังนี้


ข้อดี 

  • ไร้สิ่งกีดขวางในการสื่อสาร ทำให้เกิดการพูดคุยระหว่างกันที่ง่าย สะดวก เพิ่มอัตราการสื่อสารงานระหว่างกัน และทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น 
  • กระตุ้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีโอกาสในการระดมไอเดีย เพิ่มความสร้างสรรค์
  • สร้างความรู้สึกเท่าเทียม ลดลำดับชั้น พนักงานรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับทีมและองค์กร
  • ประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง ตกแต่งออฟฟิศมากกว่าการสร้างห้องเดี่ยวจำนวนมาก 
  • มีความยืดหยุ่นในการใช้สอยพื้นที่สูง พนักงานเลือกพื้นที่และบรรยากาศที่ต้องการทำงานได้ด้วยตัวเอง
  • เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างพนักงาน เกิดการศึกษาเรียนรู้ต่อยอดในการทำงาน

ข้อเสีย 

  • ไม่เหมาะกับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง เพราะอาจมีเสียงรบกวนดัง
  • ถูกลดความเป็นส่วนตัวลงจากเพื่อนร่วมงานรอบด้าน
  • อาจเป็นการเพิ่มความกดดันและความเครียดในการทำงานบางอย่างได้
  • มีความเสี่ยงต่อสุขอนามัยส่วนรวม และการแพร่เชื้อโรคต่าง ๆ 
  • อาจทำให้ภาพลักษณ์องค์กรขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความเชื่อมั่นจากลูกค้าผ่านภาพลักษณ์การทำงานที่มีระเบียบแบบแผน

ข้อดี-ข้อเสียของการใช้ห้องทำงานแบบส่วนตัว

ในงานหลาย ๆ ประเภท การมีห้องทำงานที่ส่วนตัวอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีมากกว่าการนั่งรวมกันในพื้นที่เปิด แต่ก็แลกมาด้วยข้อเสียบางประการ รวมทั้งอาจทำให้การสื่อสารระหว่างทีมที่ไม่เข้มแข็งมากพอได้ โดยการออกแบบสำนักงานมีข้อดีและข้อเสียดังนี้ 


ข้อดี 

  • มีความเงียบสงบ เหมาะกับการทำงานที่จำเป็นต้องมีสมาธิในการทำงานสูง 
  • มีความเป็นส่วนตัว เหมาะกับงานที่ต้องรักษาความลับของข้อมูล
  • สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมส่วนตัวได้ง่ายกว่า เพราะอาจเป็นห้องเดี่ยวที่จัดการสภาพแวดล้อมได้ด้วยตัวเอง หรือทีมเล็ก ๆ ที่ความต้องการส่วนใหญ่มักจะตรงกัน
  • ลดสิ่งเร้ารบกวนจากภายนอกได้ดี
  • รู้สึกมั่นคงในการทำงานมากขึ้น เพราะมีพื้นที่ส่วนตัวในองค์กร

ข้อเสีย 

  • การทำงานในห้องส่วนตัวอาจสร้างความรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดการปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงาน
  • ทักษะการสื่อสารอาจช้าลง หรือมีการพูดคุยที่เป็นทางการกว่าการทำงานที่ได้นั่งรวมกับคนอื่น ๆ
  • การออกสำนักงานเป็นแบบห้องทำงานเดี่ยวมีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงค่าบำรุงรักษายิบย่อย
  • เป็นการแสดงออกถึงลำดับชั้นในการทำงานที่ชัดเจน เกิดการแบ่งแยก
  • เป็นการใช้พื้นที่ในออฟฟิศอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ

MDF_blogApr25_editorial11_1.jpg


ห้องทำงานแบบไหนตอบโจทย์ 'งาน' และ 'ใจ' ได้ลงตัวมากกว่า

การออกแบบสำนักงานให้ตอบโจทย์กับรูปแบบงานและความพึงพอใจของพนักงานถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายขององค์กร ปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาก็คือ ลักษณะ-รูปแบบของงาน ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การทำงานของพนักงานส่วนใหญ่ ว่าจะเหมาะกับห้องทำงานรูปแบบ Open Space หรือแบบ Private มากกว่า เพื่อวางรากฐานให้การออกแบบสำนักงานและการตกแต่งออฟฟิศเป็นไปในทิศทางที่ตอบโจทย์ได้ทั้งเนื้องาน และจิตใจของคนทำงานพร้อม ๆ กัน


ห้องทำงานแบบ Open Space

  • ลักษณะงานที่เหมาะ

พื้นที่ทำงานประเภทนี้จะเหมาะกับการทำงานที่เน้นการระดมสมอง หรือการทำงานร่วมกันระหว่างทีม เน้นความรวดเร็ว ทำให้พนักงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ทันที เช่นงานประเภท Agency หรือ Marketing แต่จะไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง หรือเนื้องานที่ต้องมีการรักษาความลับของข้อมูล

  • ส่งผลต่อจิตใจ

พื้นที่ทำงาน ตกแต่งออฟฟิศแบบ Open ช่วยให้พนักงานรู้สึกถึงความเป็นทีมได้อย่างชัดเจน มีปฏิสัมพันธ์พูดคุยระหว่างกันได้ง่ายขึ้น ทำให้มีการสื่อสารที่ดี มีความสนิทสนม แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของเสียงรบกวนที่ควบคุมยาก และขาดพื้นที่ส่วนตัวในที่ทำงานไป


ดังนั้น การออกแบบสำนักงานแบบมีพื้นที่ทำงาน Open Space จะเหมาะกับการทำงานที่เน้นใช้ไอเดีย ความสร้างสรรค์ เป็นทีม Agency ที่ต้องเน้นความฉับไว ระดมไอเดียกันได้ตลอดเวลา และทำให้รู้สึกไม่เหงา ไม่เป็นส่วนเกินของทีม แต่ก็แลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวที่น้อยลง 


ห้องทำงานแบบส่วนตัว

  • ลักษณะงานที่เหมาะ

เนื้องานที่ได้มีความละเอียด ลดข้อผิดพลาด เพราะพนักงานมีสมาธิในการทำงานที่สูงจากสิ่งเร้ารอบตัวที่น้อยลง มีพื้นที่ส่วนตัวในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ เหมาะกับลักษณะงานที่เป็นประเภทข้อมูล data analysis หรืองานเกี่ยวกับตัวเลข ที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำงาน รวมถึงงานประเภทบริหาร ที่ต้องมีการบ่งบอกถึงสถานะ ลำดับขั้น

  • ส่งผลต่อจิตใจ

การตกแต่งออฟฟิศแบบห้องส่วนตัวมีความเป็นส่วนตัวสูง อาจเหมาะกับพนักงานที่ไม่ต้องการรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ตลอดเวลา ทำให้มีความสบายใจ รู้สึกมั่นคง และมีพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองในองค์กร แต่ขณะเดียวกันอาจก่อให้เกิดความโดดเดี่ยว ขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และรู้สึกขาดความเป็นหนึ่งเดียวกันกับทีมได้


ดังนั้นการเลือกห้องทำงานแบบส่วนตัว อาจจะเหมาะกับหน่วยงานที่ต้องมีการทำงานแบบเป็นลำดับขั้นอย่างชัดเจน เช่น หน่วยงานราชการ หรืองานบริหาร ที่ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ซึ่งสร้างความสบายใจให้กับคนที่ทำงานในสายงานนี้ได้มากกว่าพื้นที่แบบเปิดร่วมกัน


สรุป

ในการออกแบบสำนักงานนั้นไม่มีรูปแบบใดที่สมบูรณ์ที่สุดและเข้ากับทุกคนได้แบบ 100% เพราะต่างคนก็ต่างมีความต้องการที่หลากหลาย แต่ถ้าหากเรายึดการออกแบบตาม “ลักษณะของงาน” ก็จะทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการนำเอาแนวทาง Activity-Based Working เข้ามาตกแต่งออฟฟิศด้วยการออกแบบพื้นที่ทำงานหลากหลายประเภทไว้รองรับความต้องการ เช่น Focus Zone, Collaboration Zone หรือโซนห้องประชุมเล็ก ก็จะช่วยตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น พนักงานรู้สึกมีอิสระในการหาพื้นที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง

 

FAQ เกี่ยวกับการออกแบบสำนักงาน

สำหรับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตกแต่งออฟฟิศ หรือการออกแบบพื้นที่ทำงานแบบ Open Space และแบบ Private เราได้รวบรวมพร้อมคำตอบมาไว้แล้วที่นี่

Open Space ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงหรือไม่?

หากมองในแง่ของการก่อสร้างและการใช้พื้นที่อาจใช้ทุนน้อยกว่า แต่อาจมีต้นทุนแฝงที่ต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่าง Productive มากขึ้น หรือการแก้ไขปัญหารบกวนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการได้ใช้งานจริง

วิธีจัดการกับเสียงรบกวนใน Open Space 

ปัญหาหลักในการออกแบบสำนักงานเป็นพื้นที่เปิดก็คือเสียงรบกวน การแก้ไขสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์ได้ ดังนี้

  • การติดตั้งวัสดุดูดซับเสียง 
  • การกำหนดโซนงดใช้เสียง
  • การใช้หูฟังที่มีคุณสมบัติช่วยตัดเสียงรบกวน
  • การจัดพื้นที่สำหรับพูดคุย หรือมี Pod แยกสำหรับคนที่ต้องติดต่อพูดคุยกับลูกค้า
  • การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานมีจิตสำนึกในการใช้พื้นที่ส่วนรวม เป็นต้น

ถ้าไม่มี Open Space เลยจะส่งผลเสียหรือไม่ ?

การออกแบบสำนักงานที่ไม่มีพื้นที่ Open Space เลยก็อาจส่งผลเสียต่อองค์กรและพนักงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการทำงานที่ต้องการการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการสร้างปฏิสัมพันธ์บรรยากาศการทำงานร่วมกันแบบทีม 


เพราะพื้นที่ที่ดี ไม่ไช่แค่รองรับการทำงาน แต่ต้องช่วยให้คุณทำงานได้เวิร์คขึ้น สนุกขึ้น และสมาร์ทยิ่งขึ้น ORBIX เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบทุกพื้นที่ให้ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่แบบเต็มแม็กซ์! ไม่ว่า Activity Based Working จะเป็นแบบไหน ก็ลงตัวได้ในสไตล์คุณ มูฟไปพร้อมกับอนาคตของการทำงานยุคใหม่! พบกับ ORBIX ได้แล้ววันนี้ที่ Modernform Ploenchit หรือ คลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่

Explore Products

Smart Office Design

Next Inspired

Smart Office Design ในยุค Metaverse เตรียมพร้อมสำหรับออฟฟิศแห่งอนาคต

สำรวจ Smart Office Design สำหรับ Start Up ออฟฟิศแห่งอนาคตที่ผสานเทคโนโลยี IoT, AI และ Metaverse เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดึงดูด Talent รุ่นใหม่

Discover
แชร์