ท่านั่งเก้าอี้ที่ถูกต้อง รู้ไว้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม
รวมท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง พร้อมเทคนิคการจัดเก้าอี้ โต๊ะทำงาน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามหลักการยศาสตร์ เพื่อช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดคอ และป้องกันภาวะออฟฟิศซินโดรม ให้ชาวออฟฟิศทุกคนสามารถนั่งทำงานได้สบายขึ้น รวมถึงดูแลสุขภาพระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มนุษย์ออฟฟิศกับอาการปวดหลังเปรียบเสมือนของคู่กัน เนื่องจากหลายคนยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับท่านั่งที่ถูกต้อง ฉะนั้น พนักงานออฟฟิศทุกคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จึงควรให้ความสำคัญกับวิธีการนั่งเก้าอี้ที่ถูกต้อง เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยแล้ว ยังเป็นวิธีรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมอย่างยั่งยืนและช่วยพัฒนาบุคลิกภาพอีกด้วย
หากคุณกำลังประสบกับอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือเป็นออฟฟิศซินโดรม และต้องการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด เรามีท่านั่งทำงานที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์และท่านั่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกต่อ รับรองว่าหากนำไปปรับใช้ จะช่วยให้อาการปวดเมื่อยของคุณลดลงได้อย่างแน่นอน !
รู้จักโรคออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบที่มากกว่าแค่อาการปวดหลัง!
โรคออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาสุขภาพที่คนวัยทำงานรู้จักกันดี แต่นอกจากอาการปวดหลังที่มักเป็นกันบ่อย ๆ แล้ว โรคนี้ยังมีอาการอื่น ๆ แฝงอยู่อีกมากมาย ซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาวทั้งสิ้น โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะอาการด้วยกัน ได้แก่
- อาการปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า ไหล่ สะบัก และข้อมือ มีความรุนแรงหลายระดับ ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
- อาการของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น อาการวูบ รู้สึกเย็นโดยไม่มีสาเหตุ ขนลุก เป็นเหน็บ หูอื้อ ตาพร่า และเหงื่อออก มักเกิดกับบริเวณที่มีอาการปวด
- อาการของระบบประสาทที่ถูกกดทับ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง รู้สึกชาบริเวณแขนและมือ เป็นต้น
สาเหตุหลักของอาการเหล่านี้มักเกิดจากท่านั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักจนเกิดการบาดเจ็บ
คำถามคือ แล้วเราควรนั่งทำงานอย่างไรให้ห่างไกลจากอาการออฟฟิศซินโดรม ? ถ้าพร้อมแล้วเลื่อนลงไปหาคำตอบกันได้เลย !
แนะนำท่านั่งทำงานที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ออฟฟิศ
การรักษาออฟฟิศซินโดรมมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การฝังเข็ม การทำกายภาพบำบัด หรือการใช้เครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ แต่สิ่งที่สามารถเริ่มต้นทำได้ตั้งแต่วินาทีนี้ และไม่มีค่าใช้จ่ายสักบาท คือการปรับท่านั่งเก้าอี้ให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการจัดท่าทางการทำงานให้สอดคล้องกับสรีระของมนุษย์ โดยจะมีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ดังนี้
1. นั่งหลังตรง ไหล่ตรง
ข้อแรกของท่านั่งเก้าอี้ที่ถูกต้องคือต้องนั่งหลังตรง ไหล่ตรง ไม่ห่อไหล่ หลังไม่ค่อม เพื่อให้กระดูกสันหลังสามารถยืดตัวได้อย่างเต็มที่ ไม่คด ไม่งอ โดยอาจมีการปรับระดับจอคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ดร่วมด้วย
2. ศีรษะตั้งตรง ไม่ยื่นไปข้างหน้า และไม่ก้มหรือเงย
หลีกเลี่ยงการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยการก้มหน้าหรือเงยหน้า ควรให้ศีรษะอยู่ในแนวตรง เนื่องจากหากยื่นก้มศีรษะเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนบนของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดคอและการตึงของกล้ามเนื้อบริเวณคอได้ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวหรืออาการตึงที่บริเวณบ่า ที่เกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อคออย่างต่อเนื่อง
3. นั่งเต็มเก้าอี้ หลังพิงพนัก
การนั่งเก้าอี้ที่ถูกต้องคือการนั่งให้เต็มเบาะ เอนหลังพิงพนัก เพื่อให้น้ำหนักไปอยู่ที่ก้น ลดความเสี่ยงกล้ามเนื้อหลังทำงานหนักเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลายคนรู้สึกปวดบริเวณหลังส่วนล่าง
4. เข่าทำมุม 90 - 100 องศา ให้ข้อพับห่างจากขอบเก้าอี้เล็กน้อย
นอกจากการจัดตำแหน่งหลังและคอแล้ว การจัดตำแหน่งขาก็ส่งผลต่อท่านั่งที่ถูกต้อง และสามารถช่วยแก้ปวดหลังด้วยเช่นกัน โดยควรให้เข่าทำมุม 90-100 องศา เพื่อลดการกดทับที่ขาและสะโพก อีกทั้งยังควรขยับให้ข้อพับของขาห่างจากขอบเก้าอี้เล็กน้อย เพื่อให้การเคลื่อนไหวและการไหลเวียนเลือดบริเวณขาสะดวกขึ้น ช่วยในการกระจายน้ำหนักและทำให้ร่างกายไม่เครียดหรือเกร็งเมื่อเวลาผ่านไป
5. จัดตำแหน่งแขนและหัวไหล่ให้ถูกต้อง
ความสูงของท่านั่งทำงานที่จะทำให้ไม่ปวดหลังคือ ต้องนั่งให้หัวไหล่และแขนวางนาบกับโต๊ะ ตั้งฉากกับลำตัว และควรวางตำแหน่งแป้นพิมพ์ให้ต่ำลงมาเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นขณะพิมพ์ ช่วยลดความปวดเมื่อยบริเวณแขนและไหล่ได้เป็นอย่างดี
6. เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที
สุดท้าย ถ้าไม่อยากเป็นผู้ประสบภัยจากโรคออฟฟิศซินโดรม อย่าลืมเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการลุกจากเก้าอี้ ยืดแขน หมุนคอ หรือขยับตัวทุก ๆ 30 นาที เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อตำแหน่งเดิมถูกกดทับนานจนเกินไป

ท่านั่งทำงานต้องห้าม หากไม่อยากทรมานกับการปวดหลัง
รู้จักท่านั่งเก้าอี้ที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์กันไปแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญกับท่านั่งที่ควรหลีกเลี่ยงด้วยเช่นกัน ถ้าไม่อยากปวดหลัง ควรหมั่นสังเกตตัวเองว่ามีพฤติกรรมการนั่งเหล่านี้หรือไม่ หากมี รีบลด ละ เลิก โดยด่วน ก่อนที่ปัญหาสุขภาพจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัว
- นั่งไขว่ห้าง ส่งผลให้เลือดบริเวณขาไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- นั่งเบาะไม่เต็มก้น ทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักมากขึ้น
- นั่งหลังค่อม ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง กระดูกสันหลังคดงอผิดรูป
- นั่งขัดสมาธิ เป็นสาเหตุของอาการเหน็บชา และทำให้ข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร
- นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง ส่งผลเสียต่อกระดูกสะโพกและกระดูกสันหลัง
- นั่งแล้วมีโน้ตบุ๊กอยู่บนตัก ต้องก้มหน้ามองจอ ก่อให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลัง
เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์แบบไหนช่วยสนับสนุนท่านั่งทำงานที่ถูกต้องไม่ปวดหลัง ?
แม้ว่าการปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้มาก แต่เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานก็มีผลต่อความสบายของร่างกายระหว่างทำงานเช่นกัน หากอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ไม่รองรับกับสรีระก็อาจทำให้ปัญหาเดิมกลับมาได้อย่างไม่รู้จบ
1. เก้าอี้ทำงาน
เก้าอี้ที่ดีต้องออกแบบโดยคำนึงถึงสรีระและการรองรับกระดูกสันหลังอย่างถูกต้อง แนะนำให้เลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับความสูงและมุมการเอนพนักพิงให้เหมาะสมกับการนั่งของแต่ละบุคคล ดังนี้
- เลือกเก้าอี้ที่พอดีกับสรีระ มีคุณสมบัติปรับพนักพิงและรองรับส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างดี โดยเฉพาะหลังและคอ เพื่อให้รับกับการนั่งเก้าอี้ที่ถูกต้อง
- เลือกเก้าอี้ที่เบาะนั่งเอียงลงประมาณ 5-15° การเอียงเบาะลงจะทำให้เข่าอยู่ต่ำกว่าสะโพกเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ลำตัวไม่เอนไปข้างหลังในขณะนั่งทำงาน
- มีที่รองแขนที่สามารถปรับได้ เพื่อให้ไหล่และแขนอยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด
- ปรับพนักพิงให้เอนหลังได้ ช่วยให้กระดูกสันหลังได้รับการรองรับในทุกการเคลื่อนไหว
2. โต๊ะทำงาน
โต๊ะทำงานเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปรับท่านั่งที่ถูกต้อง เพราะการจัดระดับของโต๊ะให้เหมาะสมกับเก้าอี้ จะช่วยลดโอกาสในการนั่งผิดท่าและไม่ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อย
- เลือกโต๊ะที่มีช่องว่างใต้โต๊ะ เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวขาได้อย่างอิสระและทำให้ลำตัวไม่อยู่ห่างจากโต๊ะมากเกินไป
- จัดระดับความสูงของโต๊ะให้เหมาะสมกับเก้าอี้ หากโต๊ะเตี้ยเกินไปสามารถหากล่องหรือแผ่นไม้มารองขาโต๊ะเพื่อเพิ่มระดับความสูงได้
- ไม่ควรวางของเกะกะใต้โต๊ะ เพราะจะทำให้พื้นที่เคลื่อนไหวขาแคบลง
- หากขอบโต๊ะคม ควรใช้ที่รองข้อมือเพื่อลดการเสียดสีและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
3. คีย์บอร์ดและเมาส์
ตำแหน่งการวางคีย์บอร์ดและเมาส์ควรอยู่ในระดับที่ไม่ต้องยกแขนขึ้นหรือลงมากจนเกินไป เพื่อส่งเสริมท่านั่งเก้าอี้ถูกต้องและลดความเมื่อยล้า
- วางคีย์บอร์ดและเมาส์ในระดับเดียวกัน สามารถใช้แขนได้ชิดลำตัว และมือต้องอยู่ในตำแหน่งที่สบาย
- ปรับระดับการวางมือ โดยควรให้มืออยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย เพื่อให้ไม่ต้องงอข้อมือมากเกินไป
4. หน้าจอคอมพิวเตอร์
การจัดตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์มีผลต่อท่านั่งที่ถูกต้อง หากหน้าจออยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ต้องก้มคอ หรือต้องเงยคอเป็นเวลานาน
- วางหน้าจอให้ตรงกับลำตัว หน้าจอควรวางห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน และอยู่ในแนวเดียวกับคีย์บอร์ด เพื่อไม่ให้เกิดการต้องยืดคอ หรือลำตัว
- ความสูงของหน้าจอ ส่วนบนของหน้าจอควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 10-30 องศา เพื่อให้สามารถมองได้โดยไม่ต้องก้ม
- ลดแสงสะท้อน ควรปรับตำแหน่งหน้าจอให้ห่างจากแสงสะท้อน โดยอาจปิดม่านขณะทำงาน เพื่อไม่ให้แสงสะท้อนเข้ามากระทบหน้าจอ แต่ให้แสงส่องมาจากทางด้านข้างของหน้าจอด้านใดด้านหนึ่งแทน
เทคนิคจัดพื้นที่ทำงาน ส่งเสริมท่านั่งที่ถูกต้อง แก้ปวดหลัง
การปรับพื้นที่ทำงานให้เหมาะสม ส่งผลต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมท่านั่งทำงานที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับภาวะออฟฟิศซินโดรม ที่หลายคนมักต้องเจอจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานอีกด้วย
เก็บสิ่งของใต้โต๊ะให้โล่ง
พื้นที่ใต้โต๊ะควรมีความโล่งพอให้ขยับขาและเหยียดขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากมีสิ่งของวางกีดขวาง เช่น กล่องเอกสาร สายไฟ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ อาจทำให้ขาทำมุมผิดธรรมชาติ เกิดอาการตึง ชา หรือทำให้ต้องนั่งเอนตัวไปด้านใดด้านหนึ่งโดยไม่รู้ตัวได้
จัดตำแหน่งของที่ใช้บ่อยให้อยู่ในระยะเอื้อมถึง
สิ่งของที่หยิบใช้บ่อย เช่น โทรศัพท์ สมุดโน้ต ปากกา หรือแก้วน้ำ ควรจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ต้องเอื้อมไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดลำตัวหรือเอียงตัวซ้ำ ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังสะบักหรือหัวไหล่ตามมาได้
ใช้แท่นยกหน้าจอให้สูงพอดี
การยกหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตาเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้คอไม่ยื่น และลดการก้มหน้าเป็นเวลานานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถใช้แท่นปรับระดับหน้าจอ หรือกล่องหนังสือรองให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ส่วนบนของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 10–30 องศา ช่วยลดอาการปวดคอและบ่าได้ดีมาก
มีไฟส่องสว่างเพียงพอ
แสงสว่างที่เหมาะสมทำให้ดวงตาไม่ต้องเพ่งมากจนเกินไป หากแสงไม่พอ คุณอาจเผลอก้มหน้าเข้าใกล้หน้าจอหรือห่อไหล่โดยอัตโนมัติ แนะนำให้เลือกโคมไฟตั้งโต๊ะหรือจัดโต๊ะไว้ในตำแหน่งที่แสงส่องจากด้านข้างเพื่อลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ และช่วยให้ท่านั่งเก้าอี้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ท่ายืดเหยียดง่าย ๆ แก้ปวดหลังระหว่างนั่งทำงาน
แม้จะนั่งทำงานอย่างถูกต้อง แต่การคงท่าเดิมเป็นเวลานานก็อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว การยืดเหยียดระหว่างวันจึงเป็นวิธีช่วยคลายอาการเมื่อยล้าได้ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและพร้อมทำงานมากขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันก็สามารถลดโอกาสการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่าบริหารคอและบ่า คลายความตึงเครียด
- นั่งหลังตรง ค่อย ๆ ผ่อนคลายหัวไหล่
- เอียงศีรษะไปด้านซ้าย–ขวา ค้างข้างละ 10 วินาที เพื่อยืดกล้ามเนื้อคอด้านข้าง
- หมุนหัวไหล่ไปด้านหน้า–หลัง ประมาณ 10 รอบ เพื่อคลายจุดเกร็งสะสมบริเวณหัวไหล่และสะบัก
การบริหารท่าเหล่านี้จะช่วยลดอาการปวดต้นคอและความหนักบริเวณไหล่ได้ดีมาก เหมาะสำหรับผู้ที่นั่งทำงานหน้าคอมเป็นเวลานานหรือมีอาการคอเกร็งจากการก้มจอนานเกินไป
การยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างบนเก้าอี้
- นั่งเต็มก้นให้มั่นคง หลังตรง
- ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงแตะปลายเท้าอย่างช้า ๆ พร้อมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ค้าง 10 วินาที
- ทำซ้ำ 5–10 ครั้ง โดยไม่ฝืนตัวจนเกินไป
ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังล่าง สะโพก และบริเวณเอวที่มักเกิดอาการตึงจากการนั่งนาน ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันที ทั้งยังช่วยลดความเมื่อยและลดแรงกดทับบริเวณกระดูกสันหลังได้อีกด้วย
จัดท่านั่งที่ถูกต้อง ด้วยเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพจากโมเดอร์นฟอร์ม
ให้การนั่งทำงานของคุณสบายกว่าที่เคย ด้วยเฟอร์นิเจอร์สำนักงานคุณภาพจากโมเดอร์นฟอร์ม ผู้ผลิตและจำหน่ายโต๊ะและเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ ออกแบบด้วยหลักการยศาสตร์ ปรับแต่งได้ตามสรีระเพื่อการนั่งเก้าอี้ที่ถูกต้อง มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม ทนทาน ราคาคุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในรูปแบบองค์กรและการใช้งานส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เลือกชมและสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ใช่ได้ทางเว็บไซต์ หรือเช็กตำแหน่งโชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์โมเดอร์นฟอร์มใกล้คุณได้ที่ https://www.modernform.co.th/find-store
- LINE Official: @modernform
- Facebook: Modernform Design Store
- Call Center : 02-094-9999
ข้อมูลอ้างอิง
- ออฟฟิศซินโดรม ดูแล ป้องกัน รักษาอย่างไร?. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จาก https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/696.
- ท่านั่ง ทำปวดหลัง-ปวดไหล่ ไม่รู้ตัว!!. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จาก https://www.sikarin.com/health/6-ท่านั่ง-ทำปวดหลัง-ปวดไห.
- ออฟฟิศซินโดรม หายได้ด้วยศาสตร์ผสมผสานการรักษา. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จาก https://kdmshospital.com/article/office-syndrome-posture/.
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับการปรับท่านั่งทํางานให้ถูกต้อง ไม่ปวดหลัง
Q : เก้าอี้แบบไหนที่ช่วยส่งเสริมท่านั่งที่ถูกต้อง ?
เก้าอี้ที่สนับสนุนท่านั่งที่ถูกต้อง คือเก้าอี้ทำงานสุขภาพ หรือ Ergonomics Chair ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อรองรับและปรับท่านั่งให้ถูกต้องตามหลักการทำงานโดยเฉพาะ ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
- มีพนักพิงที่รองรับโค้งธรรมชาติของกระดูกสันหลัง
- ปรับความสูงได้ มีที่วางแขนที่ปรับได้ เบาะนั่งที่มีความเอียงเล็กน้อย (5-15 องศา)
- สามารถปรับเอนพนักพิงได้เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหว
Q : การนั่งผิดท่า จะทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง?
การนั่งผิดท่าขณะทำงานอาจทำให้เกิดปัญหาได้หลายอย่าง เช่น อาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ไปจนถึงทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี กล้ามเนื้อเกร็ง กระดูกสันหลังคดงอผิดรูป อาการเหน็บชา รวมถึงการเสื่อมของข้อก่อนวัยอันควร
Q : ท่าทางแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อนั่งทำงาน ?
ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง การโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไป หรือการนั่งหลังค่อม เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักและกระดูกสันหลังมีการบิดเบี้ยว
Q : การออกกำลังกายช่วยเรื่องท่านั่งได้ไหม ?
การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง ท้อง และกล้ามเนื้อแกนกลางของร่างกาย ซึ่งจะช่วยรองรับการรักษาท่านั่งที่ถูกต้องได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเกร็งของกล้ามเนื้อจากการนั่งนานได้อีกด้วย
Q : หากไม่มีเก้าอี้ Ergonomics จะสามารถนั่งให้ถูกต้องได้อย่างไร ?
หากไม่มีเก้าอี้ Ergonomics ควรปรับระดับโต๊ะให้พอดี ใช้หมอนรองหลังเพื่อรองรับโค้งกระดูกสันหลัง และใช้กล่อง หรือหมอนรองเท้าในการปรับระดับขา ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมเปลี่ยนท่านั่งเป็นประจำ พร้อมลุกยืดตัวทุก 30 นาที
