ปรับโฉม Office Interior อย่างไรให้ตอบโจทย์ Hybrid Working ในปี 2025
อยากเปลี่ยนโฉม Office Interior ให้รองรับการทำงานแบบ Hybrid ปี 2025 ต้องรู้อะไรบ้าง ? พื้นที่ที่ขาดไม่ได้ในการออกแบบคืออะไร บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกัน

เทรนด์ การทำงานแบบ Hybrid Working ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับองค์กรทั่วโลก พนักงานไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่ในออฟฟิศแบบเต็มเวลาอีกต่อไป แต่มีความยืดหยุ่นในการผสมผสานการทำงานจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือ Co-working Space สลับกับการเข้ามาทำงานที่สำนักงาน ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้สร้างความท้าทายใหม่ให้องค์กรในการปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการ จัดพื้นที่ทำงาน และการออกแบบ Office Interior แบบเดิมๆ ที่เน้นโต๊ะทำงานประจำและห้องประชุมขนาดใหญ่อาจไม่ตอบโจทย์การทำงานที่ผสมผสานและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอีกต่อไป
ความสำคัญของการ "ปรับโฉม" พื้นที่ทำงานในวันนี้ จึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ความสวยงาม แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่รองรับการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working) ส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) และที่สำคัญคือสามารถเชื่อมต่อพนักงานทั้งที่เลือกเข้าออฟฟิศและผู้ที่ทำงานจากระยะไกล (Work From Home) ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปสำรวจแนวทางหลักๆ ในการปรับโฉม Office Interior ของคุณให้พร้อมสำหรับโลกการทำงานแบบ Hybrid ในปี 2025 และอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพื้นที่หลากหลายประเภทเพื่อรองรับกิจกรรมที่แตกต่าง การผสานเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ และการให้ความสำคัญกับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน เพื่อสร้าง Modern Office ที่ทุกคนอยากเข้ามาใช้งาน
ทำไมการทำงานแบบ Hybrid จึงได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน
การทำงานแบบผสมผสาน หรือ Hybrid Working เป็นประเภทการทำงานที่เรียกได้ว่าองค์กรยุคใหม่ หรือ Modern Office ได้นำเอารูปแบบมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งจากคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองในการหางานที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ ไม่จำเป็นต้องนั่งประจำโต๊ะทุกวัน แต่สามารถใช้เวลาในการหาไอเดีย ทำงาน และส่งงานจากที่อื่นได้ โดยที่เนื้องานยังมีประสิทธิภาพไม่น้อยไปกว่าการทำงานในสถานที่ เป็นการสร้าง Work-Life Balance ที่เห็นผล
ความสำคัญของการออกแบบภายใน
การออกแบบภายในออฟฟิศ (Office Interior) มีความสำคัญมากกว่าแค่การออกแบบความสวยงามของพื้นที่ แต่ยังเป็นการออกแบบที่จะช่วยรองรับวิถีการทำงาน การใช้ชีวิตในแต่ละวัน และยังส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนที่อยู่ในพื้นที่โดยตรงอีกด้วย รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์กับ Modern Office ที่จะช่วยกระตุ้นพลังความคิด ไอเดียสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพของผลงานอันมาจากกระบวนการทำงานที่มีคุณภาพเนื่องมาจากการออกแบบด้วย
Modern Office ออกแบบภายใน อย่างไรให้ตอบโจทย์
การออกแบบพื้นที่ภายในสำนักงานที่มีรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working จุดเน้นที่สำคัญคือการแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า รวมถึงต้องมีการออกแบบภายในที่สนับสนุนต่อการทำงานที่รวดเร็ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย เหมาะกับการทำงานที่ไม่ประจำที่ โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการออกแบบพื้นที่ภายใน (Office Interior) เพื่อให้รองรับการทำงานแบบผสมผสาน ได้แก่
1. สร้างพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น: รองรับทุกรูปแบบการทำงาน
หัวใจสำคัญของการ ออกแบบ Office Interior เพื่อรองรับ การทำงานแบบ Hybrid Working คือ "ความยืดหยุ่น" ออฟฟิศจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนและตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของพนักงานที่เข้ามาใช้งานในแต่ละวันได้
- ความหลากหลายของพื้นที่ (Variety of Spaces): ออฟฟิศยุคใหม่ต้องมีมากกว่าแค่โต๊ะทำงานประจำที่เรียงราย แต่ควรประกอบด้วยพื้นที่หลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมที่แตกต่างกัน:
- พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Collaboration Zones): สำหรับการระดมสมอง การประชุมทีม หรือการทำงานโปรเจกต์ร่วมกัน ควรมีทั้งแบบเป็นทางการ (ห้องประชุมพร้อมอุปกรณ์ครบครัน) และไม่เป็นทางการ (มุมโซฟา, โต๊ะขนาดใหญ่ในพื้นที่เปิด) เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการมีปฏิสัมพันธ์
- พื้นที่สำหรับสมาธิ (Focus Zones/Quiet Zones): ห้องส่วนตัวขนาดเล็ก (Phone Booths/Work Pods) หรือมุมเงียบสงบที่ออกแบบมาเพื่อลดสิ่งรบกวน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการสมาธิสูง การคิดวิเคราะห์ หรือการประชุมออนไลน์ส่วนตัว
- พื้นที่อเนกประสงค์ (Multi-functional Areas): พื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น เป็นพื้นที่สำหรับจัดอบรม จัดกิจกรรมของบริษัท หรือแม้แต่เป็นโซนพักผ่อนในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งานอื่น นับเป็นการ จัดพื้นที่ทำงาน ที่คุ้มค่า
- ระบบ Hot Desking หรือ Desk Booking: ในเมื่อพนักงานไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน การมีโต๊ะทำงานประจำสำหรับทุกคนอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป ระบบ Hot Desking (ใครมาก่อนได้นั่งก่อน) หรือ Desk Booking (การจองโต๊ะทำงานล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน) ช่วยให้การใช้พื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับจำนวนพนักงานที่หมุนเวียนเข้ามาได้ดีขึ้น
- เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Adaptable Furniture): การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ปรับระดับความสูงได้ หรือสามารถจัดกลุ่มใหม่ (Modular Furniture) ได้อย่างสะดวก จะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนผังพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวันหรือแต่ละโปรเจกต์
2. การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ ขยับเคลื่อนที่ได้
การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ขยับเคลื่อนที่ได้ ปรับเปลี่ยนรูปทรงจากโต๊ะทำงานเป็นโต๊ะประชุมได้ หรือง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ไปจนถึงการนำเอาออฟฟิศล็อคดาวน์เข้ามาใช้ในการจัดพื้นที่ทำงานแบบ Hybrid จะช่วยในเรื่องของการแบ่งโซนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับการรองรับกิจกรรมที่มีความหลากหลายตามสไตล์การทำงานแบบผสมผสาน
3. ออกแบบพื้นที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและสร้างวัฒนธรรมองค์กร
เมื่อพนักงานไม่ได้เจอหน้ากันทุกวันเหมือนเคย ออฟฟิศจึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางของการสร้างปฏิสัมพันธ์และหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร การออกแบบ Office Interior ที่ส่งเสริมสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
- พื้นที่ส่วนกลางที่น่าดึงดูด (Engaging Common Areas): ออกแบบ Pantry, โซนพักผ่อน, มุมกาแฟ, หรือพื้นที่รับรองให้เป็นมากกว่าแค่ทางผ่าน แต่เป็น "แม่เหล็ก" ที่ดึงดูดให้พนักงานอยากมาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือทำงานร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
- กระตุ้นการปฏิสัมพันธ์ (Encouraging Interaction): การ จัดพื้นที่ทำงาน และการวางผังออฟฟิศควรเอื้อให้เกิดการพบเจอกันโดยบังเอิญ (Casual Collisions หรือ Serendipitous Encounters) เช่น การจัดทางเดินให้ผ่านพื้นที่ส่วนกลาง หรือการจัดมุมนั่งเล่นเล็กๆ กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
- สะท้อนแบรนด์และวัฒนธรรม (Reflecting Brand & Culture): การใช้องค์ประกอบตกแต่ง สีสัน วัสดุ หรือแม้แต่ Artworks ที่สื่อถึงตัวตน ค่านิยม และเรื่องราวขององค์กร จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมและความภาคภูมิใจในองค์กรให้กับพนักงาน
- พื้นที่สำหรับกิจกรรมองค์กร (Space for Company Events): การมีพื้นที่ที่ยืดหยุ่นพอที่จะรองรับการจัดกิจกรรมภายใน เช่น Town Hall, การฉลองความสำเร็จ, หรือกิจกรรมสันทนาการ จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันในทีม (Team Bonding)
4. พื้นที่ส่วนกลางที่ให้พนักงานได้พบปะ มีปฏิสัมพันธ์ และสร้างความรู้สึกที่ดีต่อองค์กร
การออกแบบภายใน Office Interior ต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเพิ่มพื้นที่ในการสื่อสาร พูดคุย พบปะแลกเปลี่ยนเรื่องราวทั่ว ๆ ไป นอกจากเรื่องงานของพนักงานภายในองค์กร การจัดพื้นที่ส่วนกลางจะต้องเพียงพอต่อการใช้งาน เป็นพื้นที่รองรับมากกว่าเป็นเพียงทางผ่าน เป็นจุดที่ดึงดูดให้พนักงานอยากมาพบปะกัน หรือใช้งานตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้จริง ๆ โดยในส่วนนี้เราสามารถออกแบบภายใน (Office Interior ให้สะท้อนถึงแบรนด์และวัฒนธรรมองค์กร ผ่านการเลือกใช้สีสัน สัญลักษณ์ การเลือกสไล์เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานที่มาพักผ่อนได้รู้สึกถึงความเป็นส่วนเดียวกันของทีมและองค์กรด้วย
5. พื้นที่ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ
อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อ Modern Office มาก ๆ และเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของการเป็นออฟฟิศสมัยใหม่ที่ใส่ใจการทำงานแบบ hybrid ก็คือพื้นที่สีเขียว เปิดให้เข้าถึงธรรมชาติ เพื่อพักผ่อนสุขภาพกายและลดความตึงเครียดจากการทำงาน เป็นพื้นที่ให้พนักงานสามารถมาพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศที่มีความเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้ มีสวนแนวตั้ง มีแสงธรรมชาติที่เข้าถึง และมีเก้าอี้หรือโต๊ะสำหรับนั่งทำงานและพักผ่อนไปด้วยกันแล้วแต่ความต้องการของพนักงาน
สรุป
การปรับโฉม Office Interior ให้ตอบโจทย์ การทำงานแบบ Hybrid Working ในปี 2025 และหลังจากนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การตามกระแส แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญยิ่งเพื่ออนาคตและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร หัวใจสำคัญคือการสร้างสมดุลที่ลงตัวระหว่างความต้องการของพนักงานที่เลือกเข้ามาทำงานในออฟฟิศและผู้ที่ทำงานจากทางไกล โดยมี "ความยืดหยุ่น" "เทคโนโลยีที่ไร้รอยต่อ" "การส่งเสริมการทำงานร่วมกันและวัฒนธรรมองค์กร" และ "การใส่ใจในสุขภาวะของพนักงาน" เป็นแกนหลักในการออกแบบ
ผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับไม่ใช่แค่พื้นที่ทำงานที่สวยงามทันสมัย แต่ยังรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement) ที่สูงขึ้น ความสามารถในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ (Talent Attraction & Retention) และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งพร้อมปรับตัวเข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน การสร้าง Modern Office ที่ตอบโจทย์ คือการสร้างอนาคตที่สดใสให้กับทั้งพนักงานและองค์กรนั่นเอง
FAQ เกี่ยวกับการปรับโฉม Office Interior
อยากปรับ Office Interior ต้องลงทุนปรับปรุงสำนักงานครั้งใหญ่เลยไหม?
- ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเสมอไปในการปรับ Office Interior โดยเราสามารถเริ่มจากการจัดพื้นที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่น มีการกำหนดโซนต่าง ๆ และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันให้กับพนักงาน ปล่อยให้พนักงานเลือกพื้นที่ของตัวเองได้ตามความต้องการก่อนในเบื้องต้น และค่อย ๆ ขยายส่วนอื่น ๆ ตามงบประมาณที่มีต่อไป
ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการปรับโฉมเป็น Hybrid Working
- องค์กรจะได้ผลงานที่มีคุณภาพและได้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งบรรยากาศในการทำงานที่มีความเป็น Modern Office ที่จะช่วยดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถและมีคุณภาพให้เข้ามาร่วมงานในอนาคต
จะเข้าใจความต้องการพนักงานก่อนปรับโฉม Office Interior ได้อย่างไร
- การที่เราจะจัดพื้นที่ทำงาน ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้มีความเป็น Hybrid ตอบโจทย์ Modern Office มากขึ้น สิ่งที่ควรทำคือการสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของพนักงาน เพื่อนำเอาเสียงสำคัญของคนที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมเป็นหลักในการออกแบบ Office Interior แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจพนักงาน และลดการเกิดปัญหาความไม่พึงพอใจได้ด้วย
เพราะพื้นที่ที่ดี ไม่ไช่แค่รองรับการทำงาน แต่ต้องช่วยให้คุณทำงานได้เวิร์คขึ้น สนุกขึ้น และสมาร์ทยิ่งขึ้น ORBIX เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบทุกพื้นที่ให้ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่แบบเต็มแม็กซ์! ไม่ว่า Activity Based Working จะเป็นแบบไหน ก็ลงตัวได้ในสไตล์คุณ มูฟไปพร้อมกับอนาคตของการทำงานยุคใหม่! พบกับ ORBIX ได้แล้ววันนี้ที่ Modernform Ploenchit หรือ คลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่ (Link)