การทํางานที่มีประสิทธิภาพ คือกุญแจสู่ความเติบโตขององค์กร
ศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กรด้วย 6 เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นพนักงานยุคใหม่ เสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พฤติกรรมการทำงานและแนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจย่อมเปลี่ยนแปลง ยิ่งคนเจเนอเรชันหลังเริ่มมีมุมมองการทำงานที่แตกต่างออกไปจากคนเจนฯ เก่า การจะใช้รูปแบบการบริหารแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์พนักงานรุ่นใหม่อีกต่อไป องค์กรจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานและตลาดในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพให้อยู่คู่องค์กรไปอีกยาวนาน
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ 6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อตอบรับกับองค์กรสมัยใหม่ ทั้งยังเป็นการกระตุ้นแรงจูงใจให้แก่พนักงานในการทำงานแต่ละวันให้ดียิ่งขึ้น !
การทำงานที่มีประสิทธิภาพ คืออะไรและจำเป็นอย่างไร ?
การทำงานที่มีประสิทธิภาพ คือการทำงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเวลา ความพยายาม หรือทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในเวลาที่เหมาะสม โดยการทำงานที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานให้เสร็จในเวลาที่เร็วที่สุดเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทำงานที่มุ่งมั่นและมีคุณภาพสูงเพื่อให้องค์กรอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน6 เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
การเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กรปัจจุบัน ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจและสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ล้วนมีความคาดหวังและมุมมองการทำงานที่ต่างไปจากเดิม การปรับตัวให้เข้ากับแนวทางใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม โดยมี 6 เคล็ดลับสำคัญ ดังนี้1. ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการทำงาน
วัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยวัฒนธรรมองค์กรที่น่าอยู่จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กร ส่งเสริมความร่วมมือ โปร่งใส ไปจนถึงความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มความสนุกในการทำงาน ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น กล้าที่จะนำเสนอไอเดีย สามารถสื่อสารต่อกันได้อย่างเปิดเผยซื่อสัตย์ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานมีความราบรื่นและมีคุณภาพมากขึ้น2. นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย
เทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือจัดการโครงการ การทำงานร่วมกันออนไลน์ หรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการติดตามผลการทำงาน การนำเทคโนโลยีมาใช้สามารถช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็นและช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น3. ส่งเสริมการทำงานแบบยืดหยุ่น รักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
พนักงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance มากขึ้น ซึ่งการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวจะช่วยลดความเครียดและปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานหนักเกินไป ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและลดอัตราการลาออกของพนักงาน โดยมีรูปแบบของการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น- Flexible working hours ให้พนักงานเลือกเวลาทำงานที่เหมาะสมกับตนเอง
- Work from home หรือการทำงานจากที่บ้านในบางวัน
- Hybrid working การผสมผสานระหว่างการทำงานที่ออฟฟิศและที่บ้าน
4. เน้นการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน
การพัฒนาศักยภาพของพนักงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับองค์กร โดยการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะใหม่อยู่เสมอ จะช่วยส่งเสริมการทำงานของพนักงาน ทำให้สามารถรับมือกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ ซึ่งองค์กรที่ลงทุนในการพัฒนาความสามารถของพนักงานจะสามารถสร้างทีมงานที่มีความรู้ความสามารถในการทำงาน เพื่อนำพาองค์กรให้เติบโตไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น แต่นอกเหนือจากการฝึกอบรมแล้ว ยังมีวิธีพัฒนาศักยภาพของพนักงานในอีกหลากหลายรูปแบบ เช่น- การหมุนเวียนงาน (Job Rotation)
- การจับคู่พนักงานใหม่กับพนักงานที่มีประสบการณ์ (Mentoring)
- การส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Learning)
5. มีระบบวัดผลและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ
การมีระบบวัดผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ทั้งองค์กรและพนักงานสามารถประเมินได้ว่ากำลังดำเนินการทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้รู้ว่าต้องปรับปรุง หรือพัฒนาในส่วนไหนบ้าง ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและการให้คำแนะนำในการทำงาน จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานมีความมุ่งมั่นในการทำงานมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้องค์ประกอบของระบบวัดผลอื่น ๆ ด้วย เช่น- มี KPIs ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร
- 360-degree feedback ที่รวบรวมความคิดเห็นจากทุกระดับ
- การให้ Recognition และ Reward ที่เหมาะสมกับผลงาน
- แผนการพัฒนาบุคคล (Personal Development Plan) ที่ชัดเจนสำหรับพนักงานแต่ละตำแหน่ง หรือแต่ละบุคคล
6. ตกแต่งออฟฟิศให้สวยงาม สร้างสภาพแวดล้อมให้น่าทำงาน
ไม่ใช่เพียงปัจจัยด้านบุคคลเท่านั้น แต่สภาพแวดล้อมในที่ทำงานก็ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานเช่นกัน หากออฟฟิศมีการตกแต่งที่สวยงามและน่าอยู่ จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้น การตกแต่งออฟฟิศที่ดีไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความสุขให้กับพนักงาน แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์และมีแรงบันดาลใจในการทำงาน โดยการออกแบบสำนักงานสมัยใหม่ควรคำนึงถึงการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งพื้นที่ทำงานส่วนตัว พื้นที่ทำงานเป็นทีม พื้นที่ประชุม ไปจนถึงพื้นที่สำหรับการพักผ่อน ควบคู่ไปกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพ สะดวกสบาย สอดคล้องกับรูปแบบการทำงาน เช่น เก้าอี้เออร์โกโนมิก (Ergonomic Chair) ที่ช่วยรองรับร่างกายอย่างเหมาะสม โต๊ะทำงานที่ปรับระดับได้ รวมถึงการออกแบบระบบแสงสว่างที่เพียงพอ
หากต้องการปรับตัวเองให้เป็นองค์กรยุคใหม่ อย่าลืมให้ความใส่ใจกับการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กรด้วยเทคนิคเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมาย พัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างความพึงพอใจแก่พนักงานให้มีความรู้สึกผูกพันต่อองค์กร
อยากตกแต่งออฟฟิศใหม่ให้สวย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร เลือกช็อปเฟอร์นิเจอร์หลากหลายดีไซน์ได้แล้ววันนี้ ที่โมเดอร์นฟอร์ม ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 40 ปี พร้อมการันตีความพอใจทุกมาตรฐานของเฟอร์นิเจอร์ภายในออฟฟิศและทุกพื้นที่ที่ต้องการ ! สามารถคลิกชมรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ หรือชมสินค้าจริงได้ที่โชว์รูมโมเดอร์นฟอร์มทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
- LINE Official: @modernform
- Facebook: Modernform Design Store
- Call Center : 02-094-9999
ข้อมูลอ้างอิง
- Enhancing organizational efficiency and culture for management success. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 จาก https://online.marquette.edu/business/blog/enhancing-organizational-efficiency-and-culture