เปลี่ยนอาคารพาณิชย์ให้เป็น Co-Working Space สุดปัง! ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่

เปลี่ยนอาคารพาณิชย์ให้กลายเป็น Co-Working Space ที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ พร้อมเทคนิคจัดพื้นที่ Co Working Space และออกแบบออฟฟิศในสไตล์ modern office

เปลี่ยนอาคารพาณิชย์ให้เป็น Co-Working Space

โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ออฟฟิศแบบเดิมๆ ไม่ใช่คำตอบเดียวอีกต่อไป การทำงานจากระยะไกล (Remote Work) และการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ โดยเฉพาะหลังยุค COVID-19 ที่คนไทยหันมาใช้เครื่องมือดิจิทัลและต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น ผลสำรวจชี้ว่าพนักงานส่วนใหญ่ชื่นชอบรูปแบบนี้ และคนรุ่นใหม่จำนวนมากก็อยากให้มีนโยบายทำงานจากที่บ้านต่อไป

พร้อมกันนั้น กลุ่มฟรีแลนซ์และผู้ประกอบอาชีพอิสระในไทยก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีจำนวนมากถึงราว 20 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนกลุ่มนี้มีความหลากหลายทั้งวัยและรูปแบบการทำงาน นอกจากนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ก็กำลังมองหาพื้นที่ทำงานที่คล่องตัวและสร้างสรรค์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ Co-Working Space จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ทำไมต้อง Co-Working Space?

Co-Working Space ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นคำตอบที่ตอบโจทย์วิถีการทำงานยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ:

  • ความยืดหยุ่นที่เหนือกว่า: ไม่ว่าจะเป็นสัญญาเช่าที่หลากหลาย ตั้งแต่รายวัน รายเดือน ไปจนถึงรายปี หรือเวลาทำงานที่มักจะเปิดกว้างกว่าออฟฟิศทั่วไป บางแห่งเปิด 24 ชั่วโมง ทำให้คนทำงานสามารถปรับตารางให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: สำหรับฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ หรือธุรกิจขนาดเล็ก การเช่า Co-Working Space ช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการต้องลงทุนเช่าและตกแต่งออฟฟิศเต็มรูปแบบด้วยตัวเอง ค่าเช่ามักรวมค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ อินเทอร์เน็ต และค่าทำความสะอาดไว้แล้ว
  • บรรยากาศสร้างแรงบันดาลใจ: Co-Working Space ส่วนใหญ่มักถูกออกแบบอย่างสวยงาม ทันสมัย และมีชีวิตชีวา บรรยากาศที่แตกต่างจากออฟฟิศเดิมๆ หรือการทำงานที่บ้าน สามารถช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้
  • โอกาสสร้างเครือข่าย (Networking): การได้ทำงานท่ามกลางผู้คนหลากหลายอาชีพ เปิดโอกาสให้เกิดการพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างคอนเนคชันทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากการทำงานคนเดียวที่บ้านหรือร้านกาแฟ
  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์สำนักงานที่จำเป็น เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เครื่องพิมพ์ ห้องประชุม รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักผ่อนหรือทานอาหาร

การออกแบบออฟฟิศสำนักงานให้เป็น Co-Working Space ที่ใช้งานได้จริง

การออกแบบ Co-Working Space ที่ดีต้องคำนึงถึงการใช้งานจริงเป็นหลัก หัวใจสำคัญคือ ความหลากหลาย และ ความยืดหยุ่น เพื่อรองรับสไตล์การทำงานและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้

โซนพื้นที่หลักที่ควรมี

  • พื้นที่ทำงานรวม (Open Work Areas / Hot Desks): โต๊ะทำงานแบบไม่ระบุตำแหน่ง เหมาะสำหรับผู้ใช้รายวัน หรือผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ควรเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งให้เหมาะสม (ประมาณ 1.8-2 เมตร) เพื่อความสบาย และมีปลั๊กไฟเข้าถึงง่าย
  • โต๊ะทำงานส่วนตัว (Dedicated Desks): โต๊ะประจำสำหรับสมาชิกระยะยาว มักมาพร้อมตู้เก็บของส่วนตัว
  • ออฟฟิศส่วนตัว (Private Offices): ห้องทำงานปิดสำหรับทีมขนาดเล็กหรือผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ควรมีหลายขนาดเพื่อรองรับทีมที่แตกต่างกัน และมีระบบเก็บเสียงที่ดี
  • ห้องประชุม (Meeting Rooms): สิ่งจำเป็นสำหรับการประชุม พบปะลูกค้า ควรมีหลายขนาด พร้อมอุปกรณ์ครบครัน เช่น จอภาพ โปรเจคเตอร์ ระบบประชุมทางไกล
  • โซนเงียบ / Phone Booths: พื้นที่สำหรับผู้ต้องการสมาธิ หรือความเป็นส่วนตัวในการคุยโทรศัพท์ ควรมีระบบเก็บเสียงที่ดีและระบายอากาศได้

หลักการจัดวาง:

  • การไหลเวียน (Flow): ออกแบบทางเดินให้สะดวก ไม่แออัด
  • การแบ่งโซน (Zoning): จัดโซนเสียงดังให้ห่างจากโซนเงียบ
  • สมดุลระหว่างส่วนตัวและส่วนรวม: สร้างสมดุลระหว่างพื้นที่เปิดโล่งสำหรับการพบปะ และพื้นที่ปิดสำหรับความเป็นส่วนตัว
  • ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ: แนวโน้มปัจจุบันคือการเพิ่มสัดส่วนพื้นที่ส่วนกลางและลดพื้นที่โต๊ะส่วนตัวลง อาจเป็นสัดส่วน 50/50 สะท้อนความต้องการปฏิสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายของผู้ใช้งาน

อาคารพาณิชย์ สามารถ จัดพื้นที่ Co Working Space

การตกแต่งสำนักงานให้ดึงดูดและมีบรรยากาศที่ดี

การตกแต่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าทำงานและดึงดูดใจผู้ใช้บริการ

  • แสงสว่าง: เน้นแสงธรรมชาติให้มากที่สุด และใช้แสงประดิษฐ์ที่สบายตา เช่น แสง Cool White หรือปรับระดับได้
  • สีสัน: เลือกใช้สีอย่างมีกลยุทธ์ โทนสีสว่างช่วยให้สงบและดูกว้าง โทนสีอบอุ่นสร้างความรู้สึกเป็นกันเอง หรือใช้สีที่สะท้อนแบรนด์
  • วัสดุ: ใช้วัสดุหลากหลาย เช่น ไม้ กระจก โลหะ เพื่อสร้างมิติ วัสดุธรรมชาติสร้างความอบอุ่น และพิจารณาวัสดุดูดซับเสียงในโซนเงียบ
  • เฟอร์นิเจอร์: เน้นความสบายและหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เลือกดีไซน์ที่น่าสนใจและหลากหลาย
  • ความเป็นธรรมชาติ (Biophilic Design): นำต้นไม้ แสงธรรมชาติ หรือวัสดุธรรมชาติเข้ามาตกแต่ง ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์
  • ความสะอาดและเป็นระเบียบ: จัดให้มีที่เก็บของเพียงพอ เพื่อให้พื้นที่ดูโล่งสบายตา

ปัจจัยสำคัญในการออกแบบ Co-Working Space ที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่

การออกแบบ Co-Working Space ที่ประสบความสำเร็จต้องผสานหลายปัจจัยเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน:

  • สมดุลระหว่างฟังก์ชันและสุนทรียภาพ: พื้นที่ต้องใช้งานได้จริง ตอบโจทย์การทำงานหลากหลายรูปแบบ ควบคู่ไปกับการออกแบบที่สวยงาม สร้างแรงบันดาลใจ
  • เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเชื่อถือได้: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคือสิ่งจำเป็นอันดับแรก ระบบจองพื้นที่, ระบบควบคุมการเข้าออก, อุปกรณ์ห้องประชุมที่พร้อมใช้งาน และปลั๊กไฟที่เพียงพอ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ
  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: นอกจากอุปกรณ์สำนักงานพื้นฐาน ควรมีมุมกาแฟ/เครื่องดื่ม, พื้นที่ครัว, และล็อกเกอร์ อาจเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษเพื่อสร้างจุดขาย เช่น ฟิตเนส, ห้องโยคะ, หรือพื้นที่จัดกิจกรรม
  • การออกแบบที่ใส่ใจสุขภาพ (Wellness): เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกหลักการยศาสตร์, นำธรรมชาติเข้ามาผสมผสาน, และใส่ใจคุณภาพอากาศและแสงสว่าง

เทคนิคดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ Co-Working Space

การสร้าง Co-Working Space ที่ดีต้องควบคู่ไปกับการดึงดูดและรักษาลูกค้า ซึ่งทำได้โดย:

สร้างชุมชน (Community) ที่แข็งแกร่ง: นี่คือหัวใจสำคัญที่สร้างความแตกต่าง ชุมชนที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ, การแลกเปลี่ยนความรู้, และสร้างความผูกพันของสมาชิก

  • กลยุทธ์สร้างชุมชน: ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้น่าใช้, มี Community Manager ที่คอยเชื่อมโยงผู้คน, และจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น Networking Events, Workshops, กิจกรรมสันทนาการ

ทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์:

  • รู้จักกลุ่มเป้าหมายและจุดขาย : เข้าใจว่าลูกค้าคือใคร (ฟรีแลนซ์, สตาร์ทอัพ ฯลฯ) และอะไรคือสิ่งที่ทำให้พื้นที่ของคุณแตกต่าง
  • ใช้ช่องทางดิจิทัล: สร้างเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลครบถ้วนและจองง่าย, ทำ SEO/SEM ให้คนค้นหาเจอ, ใช้โซเชียลมีเดียสร้างการมีส่วนร่วมและโปรโมท, และลงข้อมูลในแพลตฟอร์มรวม Co-Working Space

การสร้าง Co-Working Space ให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ ต้องอาศัยความเข้าใจในความต้องการของคนทำงานยุคใหม่ การออกแบบพื้นที่ที่ผสมผสานทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและมีชีวิตชีวา เมื่อทำได้อย่างลงตัว Co-Working Space ของคุณก็พร้อมที่จะเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน แต่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสและการเติบโตสำหรับทุกคน

Explore Products

ออกแบบออฟฟิศขนาดเล็ก ให้ส่งเสริม Well-being

Next Inspired

ออกแบบออฟฟิศขนาดเล็ก อย่างไรให้ส่งเสริม Well-being และ Productivity

ออกแบบออฟฟิศขนาดเล็กส่งเสริมให้พนักงานมีความสุข ทุกพื้นที่สามารถทำงานได้เต็มที่ นอกจากสุขภาพจิตพนักงานที่ดีแล้ว งานมีประสิทธิภาพ องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคงอีกด้วย

Discover
แชร์