ไอเดียออกแบบออฟฟิศยุคใหม่สำหรับ Gen Z ตอบโจทย์วัยรุ่นในองค์กร

การก้าวเข้ามาของพนักงาน Gen Z ในตลาดแรงงานกำลังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ท้าทายให้องค์กรต้องทบทวนนิยามของ "ที่ทำงาน" กันใหม่ คนกลุ่มนี้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล มองหาความยืดหยุ่นเป็นพื้นฐาน และให้คุณค่ากับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น การ ออกแบบออฟฟิศยุคใหม่ จึงไม่ใช่แค่การจัดหาโต๊ะและเก้าอี้ แต่คือการสร้างสรรค์ระบบนิเวศการทำงานที่ตอบสนองต่อความคาดหวังและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่า Hybrid Space คืออะไร และเราจะ ออกแบบออฟฟิศ อย่างไรให้สามารถมัดใจทาเลนต์ Gen Z ซึ่งเป็นอนาคตขององค์กรได้อย่างยั่งยืน

ความแตกต่างของ Gen Z VS Gen Y VS Gen Baby Boomer

ในพาร์ทนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้สไตล์การทำงานที่แตกต่างกันในแต่ละเจนเนอเรชั่นกัน! เพราะในทุกช่วงอายุ มักมีเอกลักษณ์และจุดเด่นในการทำงาน เพราะการสร้างบรรยากาศทำงานให้เหมาะกับคนทำงานทุกช่วงอายุ จะช่วยเพิ่มสิ่งแวดล้อมที่ดีในออฟฟิศได้ 

จุดเด่นของคน Gen Z

เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2541-2565 ชอบความท้าทายและทำงานรวดเร็ว มีความเป็นตัวเองสูง ชอบความแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์และถนัดในการใช้เทคโนโลยเพื่อความสะดวกในการทำงาน ให้ความสำคัญกับ Work Life Balance 

จุดเด่นของคน Gen Y

เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบอิสระ ปรับตัวไวในที่ทำงานและถนัดในการใช้เทคโนโลยีในการทำงาน 

จุดเด่นของคน Gen X

เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522 มีความรับผิดชอบสูงในการทำงาน ตรงต่อเวลาและมีความคิดเป็นระบบ มองหาความมั่นคงในที่ทำงานและมีความซื่อสัตย์ต่อองค์กรสูง 

ทำไมออฟฟิศแบบเดิมถึงไม่ตอบโจทย์คน Gen Z

ก่อนจะเริ่มออกแบบ เราต้องเข้าใจก่อนว่าพนักงาน Gen Z มองหาอะไรจากที่ทำงาน พวกเขามีความต้องการและมุมมองที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา

อิสระและความยืดหยุ่นคือหัวใจหลัก

เพราะ Gen Z ไม่ได้มองว่าการเข้าออฟฟิศ 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น คือมาตรวัดประสิทธิภาพ พวกเขาต้องการอิสระในการเลือกเวลาและสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และประเภทของงานในวันนั้นๆ ออฟฟิศจึงต้องเป็นหนึ่งใน "ตัวเลือก" ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ "ข้อบังคับ" เพียงอย่างเดียว

เทคโนโลยีต้องไร้รอยต่อ (Seamless Technology)

ในฐานะ Digital Natives พวกเขาคาดหวังว่าเทคโนโลยีในที่ทำงานต้องทันสมัย ใช้งานง่าย และเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ระบบจองห้องประชุมผ่านแอปพลิเคชัน, อุปกรณ์วิดีโอคอนเฟอเรนซ์คุณภาพสูง ไปจนถึง Wi-Fi ที่รวดเร็วและจุดชาร์จไฟที่เข้าถึงได้ทุกที่

ต้องการทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวม

แม้จะชอบทำงานเป็นทีมและต้องการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน แต่ Gen Z ก็ให้ความสำคัญกับพื้นที่สำหรับใช้สมาธิ (Deep Work) อย่างมาก พวกเขาต้องการพื้นที่ที่สามารถสลับโหมดระหว่างการทำงานคนเดียวและการระดมสมองร่วมกับทีมได้อย่างอิสระ

Well-being และคุณค่าต้องมาก่อน

Gen Z เลือกทำงานกับองค์กรที่ใส่ใจสุขภาพกายและสุขภาพจิตของพนักงานอย่างจริงจัง พวกเขามองหาออฟฟิศที่ส่งเสริมบรรยากาศที่ดี มีแสงธรรมชาติ พื้นที่สีเขียว และให้ความสำคัญกับคุณค่าทางสังคม เช่น ความยั่งยืน (Sustainability) และความหลากหลาย (Diversity)

องค์ประกอบสำคัญในการออกแบบออฟฟิศสำหรับ Gen Z ด้วยการสร้าง Hybrid Space

เมื่อเข้าใจความต้องการของ Gen Z แล้ว การ ออกแบบออฟฟิศ สํานักงาน ในรูปแบบ Hybrid Space จะต้องผสมผสานพื้นที่หลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับกิจกรรมที่แตกต่างกันตลอดวันทำงาน หรือที่เรียกว่า Activity-Based Working (ABW)

1. โซนสงบเพื่อการใช้สมาธิ (Focus Zone) 

นี่คือพื้นที่สำคัญที่มาทดแทนโต๊ะทำงานประจำแบบเดิมๆ ที่อาจมีเสียงรบกวนตลอดเวลา ออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องการสมาธิสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การเขียนรายงาน หรือการคิดกลยุทธ์

• รูปแบบ: อาจเป็นห้องทำงานขนาดเล็กสำหรับ 1 คน (Phone Booth/Work Pod), มุมโต๊ะทำงานที่หันหน้าเข้าหากำแพงในโซนที่กำหนดเป็น "Quiet Zone", หรือแม้แต่เก้าอี้อาร์มแชร์ที่มีพนักพิงสูง (High-back Armchair) เพื่อสร้างขอบเขตส่วนตัวทางสายตาและลดเสียงรบกวน

2. โซนพลังขับเคลื่อนเพื่อการทำงานร่วมกัน (Collaboration Zone) 

หัวใจของออฟฟิศยุคใหม่คือการเป็นพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกัน พื้นที่ส่วนนี้จึงต้องมีความยืดหยุ่นและกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์

• รูปแบบ: ประกอบด้วยห้องประชุมหลากหลายขนาดที่ติดตั้งเทคโนโลยีสำหรับ Hybrid Meeting, พื้นที่เปิดโล่งพร้อมโต๊ะ Project Table ขนาดใหญ่, ผนังที่สามารถขีดเขียนได้ (Writable Walls), และชุดเฟอร์นิเจอร์แบบโมดูลาร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายและปรับเปลี่ยนการจัดวางได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับการระดมสมองแบบกลุ่มเล็กๆ หรือการประชุมทีม

3. โซนเชื่อมต่อเพื่อสร้างความสัมพันธ์ (Social Zone) 

พื้นที่ส่วนนี้ทำหน้าที่เป็น "จัตุรัสกลางเมือง" ของออฟฟิศ เป็นจุดที่พนักงานจะได้พบปะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งช่วยสร้างความผูกพันและวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง

• รูปแบบ: ไม่ใช่แค่ Pantry หรือมุมกาแฟธรรมดา แต่ควรเป็นพื้นที่เลานจ์ที่น่านั่ง มีเคาน์เตอร์กาแฟคุณภาพดี, โต๊ะอาหารขนาดใหญ่, มุมเล่นเกม (Game Corner) หรือแม้แต่พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม Town Hall เล็กๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง

4. โซนส่งเสริมสุขภาวะที่ดี (Recharge Zone) 

เพื่อตอบโจทย์เรื่อง Well-being ออฟฟิศควรมีพื้นที่ให้พนักงานได้พักสมองและฟื้นฟูพลังระหว่างวัน

• รูปแบบ: การออกแบบที่เน้นแนวคิด Biophilic Design โดยการนำองค์ประกอบของธรรมชาติเข้ามาใช้ เช่น การจัดวางต้นไม้, การเปิดรับแสงธรรมชาติให้ได้มากที่สุด, การใช้วัสดุลายไม้หรือสีเอิร์ธโทน นอกจากนี้อาจมีห้องพักผ่อน (Nap Pod), มุมโยคะหรือห้องสมาธิ (Meditation Room) และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) ทั้งหมด

คำถามที่พบบ่อย

การออกแบบออฟฟิศแบบ Hybrid Space ต้องใช้งบประมาณสูงหรือไม่?

ไม่เสมอไป หัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผนการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แทนที่จะลงทุนกับโต๊ะทำงานประจำสำหรับทุกคน อาจลดจำนวนโต๊ะลงและนำงบประมาณไปลงทุนในพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายและมีคุณภาพ เช่น การสร้าง Work Pod หรือการปรับปรุงโซน Collaboration ซึ่งอาจเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากขึ้น

การออกแบบออฟฟิศเพื่อ Gen Z จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน Gen อื่นๆ หรือไม่?

การออกแบบที่ดีควรเป็น Universal Design ที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม พนักงาน Gen อื่นๆ ก็ได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่น, พื้นที่ใช้สมาธิ, และโซนพักผ่อนที่ดีขึ้นเช่นกัน การมีตัวเลือกพื้นที่ทำงานที่หลากหลายช่วยให้พนักงานทุกคนสามารถเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับสไตล์การทำงานของตนเองได้

การ ออกแบบออฟฟิศยุคใหม่ เพื่อดึงดูดและรักษาพนักงาน Gen Z ไม่ใช่การทำตามกระแสหรือการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่ฉาบฉวย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่เข้าใจว่าบทบาทของออฟฟิศได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างถาวร Hybrid Space คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่น, ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี, และให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ออฟฟิศไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่พนักงาน "ต้อง" มาทำงานอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่ที่พวกเขา "เลือก" ที่จะเข้ามาเพื่อทำงานร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การลงทุนในพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ คือการลงทุนในอนาคตและความสำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริง