สร้าง Third Place ในออฟฟิศด้วย Hybrid Space ที่ใครๆ ก็อยากมา
เปลี่ยนออฟฟิศให้เป็น Third Place ด้วยการจัดพื้นที่ Hybrid Workplace ที่ผสานดีไซน์ Resimercial ความสบาย และอิสระในการเลือก เพื่อดึงดูดให้พนักงานอยากเข้ามาทำงาน

ในโลกของการทำงานยุคใหม่ แนวคิดของ Third Place หรือ "พื้นที่ที่สาม" ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้ "พื้นที่ที่สาม" คือพื้นที่ทางสังคมที่อยู่นอกเหนือไปจากบ้าน (พื้นที่ที่หนึ่ง) และที่ทำงานแบบดั้งเดิม (พื้นที่ที่สอง) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือร้านกาแฟ สวนสาธารณะ หรือ Co-working Space ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้คนมาพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน เกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง นี่คือจุดเริ่มต้นของการ จัดพื้นที่ Hybrid Workplace ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเรามองไปในอนาคต (ณ กันยายน 2025) การทำงานที่ออฟฟิศจะกลายเป็น "ทางเลือก" ไม่ใช่ "ข้อบังคับ" อีกต่อไป นั่นหมายความว่าตัวออฟฟิศเองต้องแข่งขันกับความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวของบ้าน เพื่อดึงดูดให้พนักงานอยากเดินทางเข้ามาทำงาน
คำถามสำคัญสำหรับเจ้าของบริษัทจึงไม่ใช่ "จะให้พนักงานกลับเข้ามาได้อย่างไร" แต่เป็น "จะสร้างออฟฟิศที่พนักงานอยากเข้ามาได้อย่างไร" ทางออกที่ทรงพลังที่สุดคือการจัดพื้นที่ Hybrid Workplace ที่สามารถผนวกรวมเอาแนวคิด "Third Place" เข้ามาไว้ภายในได้อย่างลงตัว โดยใช้ Hybrid Space เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างพื้นที่นั้นขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนออฟฟิศให้กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดพนักงานให้เข้ามาเชื่อมต่อ สร้างปฏิสัมพันธ์ และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างแท้จริง
3 ส่วนผสมสำคัญในการจัดพื้นที่ Hybrid Workplace ให้กลายเป็น "Third Place"
การสร้าง "Third Place" ในออฟฟิศไม่ใช่แค่การนำโต๊ะปิงปองมาตั้ง แต่คือการออกแบบประสบการณ์อย่างใส่ใจ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนผสมหลักที่จะเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นโซเชียลฮับของ Hybrid Workplace
1. ความสบายเหมือนบ้าน (Homely Comfort) ด้วยดีไซน์ 'Resimercial'
แนวคิดสำคัญคือ 'Resimercial' ซึ่งมาจากการผสมผสานระหว่างคำว่า Residential (ที่อยู่อาศัย) และ Commercial (เชิงพาณิชย์) เป็นการออกแบบที่นำความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย และเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน มาปรับใช้กับฟังก์ชันการทำงานในออฟฟิศ
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์
แทนที่จะใช้แค่โต๊ะ-เก้าอี้ทำงานแบบเดิมๆ ควรเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เช่น โซฟาผ้าเนื้อดี, อาร์มแชร์นุ่มสบาย, โต๊ะกาแฟไม้ดีไซน์สวย, และการปูพรมผืนใหญ่เพื่อลดเสียงและเพิ่มความอบอุ่น
แสงและบรรยากาศ
แสงคือปัจจัยสำคัญในการสร้างบรรยากาศ ควรใช้แสงไฟสีวอร์ม (Warm Light) จากโคมไฟตั้งพื้นหรือโคมไฟแขวนดีไซน์เก๋ มาผสมผสานกับแสงไฟหลักบนเพดาน เพื่อสร้างมิติและความรู้สึกเชื้อเชิญให้คนอยากเข้ามาใช้งาน
2. การต้อนรับชั้นดี (Good Hospitality) ที่ใส่ใจรายละเอียด
หัวใจของ "Third Place" คือการทำให้ผู้คนรู้สึกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การมีสิ่งอำนวยความสะดวก แต่คือการมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจผ่านการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
The Coffee Bar
การลงทุนในเครื่องชงกาแฟคุณภาพดี มีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย, ชาชั้นดี, เครื่องดื่มทางเลือกอื่นๆ รวมถึงของว่างที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่เพื่อบริการพนักงาน แต่เพื่อสร้าง "จุดนัดพบ" ที่เป็นธรรมชาติให้คนได้มาพูดคุยกัน
The Little Things
รายละเอียดเล็กๆ สร้างความแตกต่างได้มหาศาล เช่น การมีปลั๊กไฟและพอร์ต USB ให้เข้าถึงง่ายในทุกจุดที่นั่ง, สัญญาณ Wi-Fi ที่แรงและเสถียรทั่วถึง, หรือแม้กระทั่งการมีหนังสือและนิตยสารดีๆ ให้อ่านพักสมอง
3. อิสระในการเลือก (Freedom of Choice) ที่รองรับทุกกิจกรรม
พื้นที่ Hybrid Space ที่ดีในฐานะ Third Place จะต้องมอบอิสระให้พนักงานสามารถเลือกรูปแบบการใช้งานพื้นที่ได้ตามอารมณ์และประเภทของกิจกรรมในขณะนั้น ไม่มีการบังคับว่าต้องนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเองเท่านั้น
- โต๊ะยาว (Communal Table): เหมาะสำหรับการนั่งทำงานชั่วคราว, แลกเปลี่ยนไอเดียกับเพื่อนร่วมงาน หรือนั่งคุยกันเป็นกลุ่มใหญ่
- มุมโซฟา: เป็นพื้นที่สำหรับการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ, การระดมสมองแบบสบายๆ หรือการประชุมทีมย่อย
- เก้าอี้อาร์มแชร์ริมหน้าต่าง: สร้างมุมสงบสำหรับนั่งพักผ่อน, อ่านหนังสือ, หรือใช้ความคิดคนเดียวอย่างมีสมาธิ
- โต๊ะทรงสูง (High Table): เหมาะสำหรับการยืนคุยสั้นๆ, การประชุมด่วน หรือเป็นจุดเปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งทำงานนานๆ
จาก "สถานที่ที่ต้องมา" สู่ "จุดหมายที่อยากมา"
โดยสรุปแล้ว Hybrid Space ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันให้เป็น "Third Place" คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการแก้โจทย์ของโมเดล Hybrid Workplace ในปัจจุบัน เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การตกแต่งออฟฟิศให้สวยงาม แต่เป็นการลงทุนในวัฒนธรรมองค์กรและประสบการณ์ของพนักงาน หัวใจสำคัญของการ จัดพื้นที่ Hybrid Workplace คือการเปลี่ยนสถานะของออฟฟิศจาก "สถานที่ที่ต้องมาทำงาน" ให้กลายเป็น "จุดหมายที่พนักงานอยากเดินทางมา" เพื่อพบปะผู้คน, สร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน, และเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เทคโนโลยีอย่าง Zoom หรือ Slack ไม่สามารถทดแทนได้
คำถามที่พบบ่อย
"Third Place" ในบริบทของออฟฟิศคืออะไร?
"Third Place" ในออฟฟิศคือ Hybrid Space ที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่พื้นที่สำหรับทำงานเพียงอย่างเดียว มีบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนร้านกาแฟหรือเลานจ์ ทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาพบปะ พูดคุย และสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน นอกเหนือจากบ้านและโต๊ะทำงานของตัวเอง
ดีไซน์แบบ 'Resimercial' คืออะไร และสำคัญอย่างไรกับการจัดพื้นที่ Hybrid Workplace?
'Resimercial' คือแนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานความรู้สึกอบอุ่น สบาย เหมือนอยู่บ้าน (Residential) เข้ากับความทนทานและฟังก์ชันการใช้งานแบบเชิงพาณิชย์ (Commercial) ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งกับการ จัดพื้นที่ Hybrid Workplace เพราะช่วยลดความเป็นทางการของออฟฟิศ สร้างบรรยากาศที่เชื้อเชิญและผ่อนคลาย ทำให้พนักงานรู้สึกอยากเข้ามาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น
ทำไมการลงทุนกับ "Coffee Bar" ถึงสำคัญกว่าการมีแค่กาแฟฟรี?
เพราะ "Coffee Bar" ที่ดีไม่ได้ทำหน้าที่แค่เสิร์ฟเครื่องดื่ม แต่ทำหน้าที่เป็น "จุดนัดพบ" หรือ Social Hub ของออฟฟิศ การมีเครื่องชงกาแฟคุณภาพ, เมล็ดกาแฟให้เลือก, และบรรยากาศที่ดี จะดึงดูดให้คนมาใช้งานและใช้เวลาในพื้นที่นั้นนานขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพูดคุยและการสร้างปฏิสัมพันธ์ข้ามสายงานอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Hybrid Workplace ที่ประสบความสำเร็จ
พร้อมสร้างสรรค์พื้นที่ทำงานที่ "ใส่ใจคน" และช่วยลดความเครียดแล้วหรือยัง? ให้ Modernform Hybrid Space ช่วยออกแบบพื้นที่สำหรับการ พัก คุย คิด ที่ลงตัว เปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรและสร้างพื้นที่ที่ทำให้พนักงาน ‘รู้สึกดี’ ตั้งแต่ก้าวแรก ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ Smart Workplace จาก Modernform เพื่อค้นหาโซลูชันที่ใช่สำหรับคุณได้แล้ววันนี้