HYBRID WORK & LIVING
HYBRID WORK & LIVING

“ดีไซน์พื้นที่ทำงานให้พร้อมมูฟกับทุกสไตล์ของ Hybrid Working”
เพราะโลกการทำงานวันนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ “ ที่โต๊ะทำงานประจำ ” อีกต่อไป Hybrid Working กลายเป็นรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ORBIX เข้าใจดีว่า “ พื้นที่ทำงานที่ดี ” ในวันนี้ ไม่ใช่แค่มีดีไซน์สวย แต่ต้องพร้อมปรับเปลี่ยน รองรับการทำงานที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกความคิดสร้างสรรค์ไม่ว่าคุณจะต้องโฟกัสงานเงียบ ๆ ระดมสมองกับทีมหรือประชุมแบบ Virtual จากมุมไหนของออฟฟิศ เฟอร์นิเจอร์จาก ORBIX ก็พร้อมรองรับทุกการเคลื่อนไหวด้วยฟังก์ชันที่ออกแบบมาให้ยืดหยุ่นสูง ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เชื่อมต่อพลังงานและอุปกรณ์ได้ครบ จนคุณสามารถโฟกัสกับงานสำคัญได้อย่างเต็มที่ เพราะ Hybrid Working ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนสถานที่ทำงาน แต่คือการยกระดับคุณภาพของการใช้ชีวิตในวันทำงาน และ ORBIX ก็คือคำตอบของพื้นที่ที่พร้อม “มูฟไปกับคุณ” ทุกไอเดีย ทุกแผนงาน ทุกความเปลี่ยนแปลง
ส่งเสริมสุขภาพและ Well-being
ในโลกการทำงานยุคใหม่ สุขภาพของพนักงานไม่ได้หมายถึงแค่ร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น แต่รวมถึงความสมดุลทางจิตใจ อารมณ์ และคุณภาพชีวิตโดยรวมของการทำงานในแต่ละวัน การออกแบบพื้นที่ทำงานให้เอื้อต่อ สุขภาพกายและใจ จึงกลายเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
การจัดวางพื้นที่ให้มีทั้งโซนสงบเพื่อโฟกัส และโซนผ่อนคลายที่เชื่อมธรรมชาติ เช่น Biophilic Design, พื้นที่เปิดรับแสงธรรมชาติ จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มสมดุลของการใช้ชีวิตระหว่างทำงาน สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย และเพิ่มความสุขระหว่างวัน
Hybrid Working
แนวทางการทำงานแห่งยุคใหม่ ที่ผสานความยืดหยุ่นเข้ากับประสิทธิภาพได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน ที่ออฟฟิศ หรือแม้แต่ระหว่างเดินทาง โดยไม่สูญเสียประสิทธิผล
ในการทำงานรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (work-life balance) ให้กับพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นที่และระบบการทำงาน ให้รองรับทั้งความต้องการด้านไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีของคนยุคดิจิทัล ตั้งแต่การจัดพื้นที่ให้ยืดหยุ่นและใช้งานร่วมกันได้ การติดตั้งเทคโนโลยีการสื่อสารที่ไร้รอยต่อ ไปจนถึงการออกแบบสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นแรงบันดาลใจและสนับสนุนสุขภาวะที่ดีในระยะยาว
Hybrid Working จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนวิธีทำงาน แต่คือการยกระดับแนวคิดองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคตแห่งการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
ในโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นของพื้นที่กลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของพนักงาน พื้นที่สำนักงานยุคใหม่จึงไม่ควรจำกัดอยู่เพียงโต๊ะประจำหรือมุมทำงานตายตัว แต่ควรสามารถ “ปรับเปลี่ยนได้ง่าย” และ “ตอบโจทย์หลายรูปแบบของการใช้งาน”
การมีพื้นที่สำนักงานที่ปรับเปลี่ยนง่าย ช่วยให้รองรับการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งงานเดี่ยว ประชุมทีม หรือเวิร์คช็อปแบบไม่ยึดติดกับที่นั่งตายตัว รองรับการสลับสไตล์การทำงานได้อย่างคล่องตัว และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ก็ยิ่งช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำงานที่มีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ได้เสมอ
กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพ
การออกแบบพื้นที่สำนักงานในยุคปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นแค่ความสวยงามหรือฟังก์ชันพื้นฐานอีกต่อไป แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมและจังหวะการทำงานของคนยุคใหม่อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid ที่เปลี่ยนให้แต่ละวันไม่เหมือนกัน พื้นที่จึงต้อง “ยืดหยุ่น” พอที่จะรองรับทั้งช่วงเวลาที่ต้องการโฟกัสอย่างเข้มข้น และช่วงเวลาที่ต้องการผ่อนคลาย เติมพลัง หรือระดมไอเดียกับทีม
พื้นที่ที่ออกแบบแบบยืดหยุ่นและมีโซนรองรับทั้งการพักผ่อนและระดมสมอง ช่วยให้พนักงานปลดล็อกไอเดียใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ลดความรู้สึกจำเจในแต่ละวัน
ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและลดต้นทุนระยะยาว
การจัดสรรพื้นที่สำนักงานให้ตอบโจทย์ Hybrid Working ช่วยลดความสิ้นเปลืองของพื้นที่โต๊ะทำงานถาวร เปิดทางให้เกิดโซนที่ใช้งานร่วมกัน และปรับเปลี่ยนได้ตามจำนวนพนักงานจริงในแต่ละวัน ไม่เพียงแค่ประหยัดต้นทุน แต่ยัง เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการพื้นที่ พร้อมรองรับการขยายหรือปรับลดทีมได้ทันทีโดยไม่ต้องรื้อโครงสร้างสำนักงานใหม่ทั้งหมด นับเป็นกลยุทธ์ที่ทั้งยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์อนาคตของการทำงานที่ไม่มีรูปแบบตายตัว
รองรับการเชื่อมต่อและเทคโนโลยีอย่างไร้รอยต่อ
การเชื่อมต่อที่สะดวกและไม่สะดุดกลายเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์การทำงานที่ราบรื่น พื้นที่สำนักงานยุคใหม่จึงต้องออกแบบมาให้ “พร้อมรองรับเทคโนโลยี” และการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟที่อยู่ในจุดใช้งานจริง, พอร์ตชาร์จที่เข้าถึงได้ง่าย, Wi-Fi ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่, หรือแม้กระทั่ง docking station และพื้นที่จัดวางอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้พนักงานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาหาปลั๊กหรือจัดสายเชื่อมต่อให้ยุ่งยาก ช่วยให้ทุกไอเดียสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีไม่สะดุด ไม่ว่าจะทำงานจากมุมไหนของออฟฟิศ