ส่อง 8 เทรนด์ออฟฟิศยุคใหม่ 2025 เวิร์คไลฟ์บาลานซ์แบบสุด
ส่องเทรนด์ตกแต่งออฟฟิศยุคใหม่ เปลี่ยนชีวิตการทำงานที่น่าเบื่อให้เป็นชีวิตแบบเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ทำงานด้วยความสุขและมีเวลาได้พักผ่อน ลุยงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

แม้จะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แล้ว แต่ปัญหาชีวิตการทำงานของคนรุ่นใหม่อย่างชีวิตที่ไร้บาลานซ์ยังถูกเรียกร้องกันอยู่ในปัจจุบัน เพราะการทำงานหนักส่งผลต่อสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ จึงหันมาให้ความสำคัญของ Work-life balance และในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง เกิดการพัฒนาโดยคนรุ่นใหม่ การทำงานและใช้ชีวิตอย่างสมดุลจึงนิยมในองค์กรมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็เกิดเทรนด์การตกแต่งสำนักงานที่น่าสนใจมากมาย ที่ส่งเสริมชีวิตการทำงานแบบเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ในบทความนี้จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเทรนด์ office room design ในปี 2025 ที่น่าสนใจ เชื่อเลยว่าหากนำไปปรับใช้ จะเปลี่ยนองค์กรที่นั่งมองจอตลอดทั้งวัน มาเป็นการทำงานที่มีความสุข แถมได้ใช้ชีวิตอย่างสมดุล
แนะนำ 8 เทรนด์ออฟฟิศยุคใหม่ 2025
1. Hybrid workspaces
เทรนด์นี้ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ เพราะ Hybrid workspaces คือการทำงานแบบผสมผสาน มีการจัดสรรทั้งเวลาและสถานที่ทำงานให้เอื้อต่อสมดุลชีวิตหรือ Work-life balance โดยมีการเตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในออฟฟิศ เพื่อให้พนักงานได้มาทำงานอย่างมีความสุข ทั้งห้องทำงานของพนักงาน ห้องประชุม หรือแม้กระทั่งห้องนั่งเล่น โดยมีการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น โต๊ะทำงานที่สามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะประชุมได้ หรือโซฟาที่สามารถพับเก็บได้ เป็นต้น ซึ่งจะเน้นการใช้งานร่วมกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า การใช้แนวคิดออกแบบสำนักงานนี้ ช่วยส่งเสริมให้พนักงานทำงานได้ทั้งสองที่ ทั้งที่บ้านและสำนักงานอย่างมีความสุข
2. Technology integration
การเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาภายในสำนักงาน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแล้ว ยังเป็นการพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าและทันสมัย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถนำมาพัฒนาองค์กรให้ทันสมัยขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบไฟ LED อัจฉริยะที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้, แอปพลิเคชันการจองห้องออนไลน์, เทคโนโลยีผู้ช่วยเสียงอย่าง Alexa , ป้ายดิจิทัลที่สามารถค้นหาเส้นทางได้ หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับการเข้าใช้พื้นที่ เป็นต้น การออกแบบ office room design ให้มีเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้พนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกด้วย
3. Biophilic design
สำหรับเทรนด์นี้เป็นการออกแบบสำนักงานตามหลักชีววิทยา โดยเป็นการนำธรรมชาติเข้ามาปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในสำนักงาน ตัวอย่างเช่น การติดตั้งกระจกหรือหน้าต่างบานใหญ่เพื่อใช้แสงธรรมชาติ, การเพิ่มมุมสีเขียวด้วยไม้มงคล, เพิ่มการตกแต่งผนังห้องด้วยศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ หรือการรณรงค์ให้ใช้วัสดุธรรมชาติภายในสำนักงาน เป็นต้น การเพิ่มธรรมชาติเข้ามาภายในสำนักงานนอกจากจะเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดอารมณ์ทางสุนทรียศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้อีกด้วย
4. Flexible and modular spaces
สำหรับการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้นั้น เป็นเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในองค์กร เนื่องจากการออกแบบแบบกั้นห้องให้นั่งทำงานเพียงอย่างเดียวอาจดูล้าสมัย การนำเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ หรือการออกแบบผนังให้เคลื่อนย้ายได้ ช่วยให้พนักงานสามารถใช้งานพื้นที่ร่วมกันได้ โดยพื้นที่ต่าง ๆ สามารถเปิดออกเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่หรือแบ่งเป็นมุมส่วนตัว นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดพื้นที่และใช้พื้นที่ได้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้พนักงานมีอิสระในการเลือกสถานที่ทำงาน อีกทั้งยังสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น การทำงานร่วมกัน การใช้สมาธิในมุมส่วนตัว การเรียนรู้การเข้าสังคม และฟื้นฟูจิตใจ
5. Sustainability and eco-friendly practices
ความยั่งยืนและแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นแนวคิดที่ทันสมัยและสามารถพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมีคุณค่า เราจะเห็นองค์กรต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โปรแกรมกำจัดและรีไซเคิลขยะ, การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ลดการใช้วัสดุที่เป็นพิษ, การนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนอย่างแผงโซลาร์เซลล์มาใช้ในสำนักงาน, การบริการพนักงานด้วยจุดเติมน้ำอัจฉริยะแทนการใช้ขวดน้ำพลาสติก หรือการติดตั้งไฟที่สามารถสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน เป็นต้น การใช้แนวคิดความยั่งยืนส่งผลดีต่อองค์กรในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เป็นการส่งเสริมให้เกิดการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับองค์กรอีกด้วย
6. Mental health and wellbeing focus
สำหรับเทรนด์นี้เป็นการส่งเสริมให้เกิดสมดุลชีวิตหรือ Work-life balance เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่สำคัญอันดับต้น ๆ ในการออกแบบสำนักงาน สามารถทำได้โดยการสร้างพื้นที่ส่วนตัวหรือมุมพักผ่อน ตัวอย่างเช่น มุมสีเขียว หรือคาเฟ่เล็ก ๆ ในสำนักงาน หรือจะนำเฟอร์นิเจอร์ตามหลักสรีรศาสตร์มาใช้ในสำนักงาน เพื่อลดอาการออฟฟิศซินโดรม นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสถานที่ออกกำลังกายให้พนักงานได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจได้ด้วย ทำให้พนักงานสามารถเลือกนั่งทำงานที่ต้องใช้สมาธิหรือได้พักเบรกระหว่างวัน เป็นการลดความเครียด เกิดการผ่อนคลาย ซึ่งส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
7. Inclusive design
แนวคิดการออกแบบสำนักงานที่ครอบคลุมส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมนั้นถูกนำมาปรับใช้ในองค์กรของคนรุ่นใหม่ โดยมีกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ การสร้างพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเพศหรือไม่จำกัดเพศสภาพ ตัวอย่างเช่น ห้องน้ำ ห้องสวดมนต์ หรือมีการติดตั้งป้ายบอกทางหลายภาษา เพื่อรองรับชาวต่างชาติ การใช้แนวคิดนี้ส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจและคุณค่าในตัวเอง สร้างวัฒนธรรมที่ดีงามในองค์กร ทำให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
8. Multi-functional spaces
โดยปกติแล้วองค์กรต่าง ๆ มักให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นหลัก แต่ความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ จึงได้ผสมผสานสิ่งอำนวยความสะดวกหรือมุมพักผ่อน เพื่อรองรับการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน การตกแต่งสำนักงานยุคใหม่นี้ได้เพิ่มพื้นที่ที่สร้างสรรค์เข้ามา ตัวอย่างเช่น สถานที่ออกกำลังกาย ห้องนวด ห้องงีบหลับหรือห้องสันทนาการต่าง ๆ ควบคู่ไปกับมุมพักผ่อนระหว่างทำงานอย่างร้านกาแฟและห้องสมุด ทำให้พนักงานได้พักผ่อน ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เมื่อพนักงานพัฒนาศักยภาพ องค์กรจึงเติบโตและก้าวหน้าตามไปด้วย

การออกแบบหรือตกแต่งสำนักงานให้เอื้อต่อการทำงานและใช้ชีวิตให้สมดุลนั้น มีความสำคัญต่อองค์กรในระยะยาว เพราะสุขภาพจิตและชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานส่งผลต่อเป้าหมายขององค์กร โดยการนำแนวคิดการออกแบบแบบ Work-life balance มาปรับใช้นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีตัวอย่างเช่น การจัดสรรเวลาทำงานของพนักงานทั้งทำงานที่ออฟฟิศและทำงานที่บ้าน การเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน การออกแบบออฟฟิศตามหลักชีววิทยาที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือการออกแบบสำนักงานที่คำนึงถึงสุขภาพจิตและชีวิตที่ดีของพนักงาน เป็นต้น เทรนด์การออกแบบต่าง ๆ นี้มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิตของพนักงาน เมื่อทั้งสองอย่างมีความสมดุลย่อมทำให้เกิดความสุขในการทำงาน และผลงานก็มีประสิทธิภาพตามมา
FAQ
องค์กรขนาดเล็กสามารถนำเทรนด์เหล่านี้ไปปรับใช้ได้อย่างไร?
สามารถนำแนวคิดการออกแบบทั้ง 8 ไปปรับใช้โดยคำนึงถึงสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจของพนักงาน เพื่อให้ชีวิตการทำงาน Work-life balance ส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
พนักงานควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน?
เมื่อโลกของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลง เราจำเป็นต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ทำ รวมถึงสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่มีการออกแบบที่ทันสมัยขึ้น เป็นการทำงานที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสมดุลมากขึ้น
เทรนด์ออฟฟิศยุคใหม่มีผลกระทบต่อการออกแบบพื้นที่ทำงานอย่างไร?
เทรนด์ออฟฟิศยุคใหม่นั้นเน้นแนวคิดที่ส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมถึงการทำงานและใช้ชีวิตให้สมดุล ส่งผลกระทบทำให้การออกแบบพื้นที่เอื้อต่อการทำงานมากขึ้น มีการเพิ่มความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนโซนนั่งทำงานส่วนตัวหรือมุมพักผ่อน